วันอาทิตย์ที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

การดูแลไม้ประดับ

  

     (  การดูแลรักษาต้นไม้ดอกไม้ประดับ  )


               
                1  การรดน้ำไม่ควรฉีดแรง ควรรดให้เป็นฝอยละเอียดตกลงที่ใบ
แล้วใบจะทำหน้าที่ในการรวบรวมหยดน้ำไหลลงสู่โคนต้นคล้ายกับธรรมชาติของฝนตก ตรงนี้ไม่ควรมองข้ามเพราะได้แฝงไว้ด้วยกลเม็ดอันแยบยลคือ การรดน้ำเป็นฝอยนอกจะไม่ทำให้ใบเกิดบาดแผลแล้ว ยังเป็นการชำระล้างใบให้สะอาดส่งผลดีทั้งในแง่การสังเคราะห์แสง (ไม่มีฝุ่นบังแสง) และในแง่การล้างเชื้อก่อโรคที่สะสมบนใบและต้นออกไป อีกทั้งการรดน้ำเป็นฝอยจะลดการกระเด็นของดิน-วัสดุปลูกขึ้นมาเกาะที่ใบ ป้องกันเชื้อโรคเข้าทำลายได้เป็นอย่างดี ในขณะที่การฉีดน้ำแรงเกินไปจะทำให้เกิดบาดแผลโดยไม่ตั้งใจและเชื้อก่อโรคได้ใช้เป็นช่องทางในการเข้าทำลาย เห็นได้ว่าผลที่สุดแล้วความสะอาดเป็นสิ่งสำคัญต่อการปลูกเลี้ยงต้นไม้ ต้นไม้ที่เน่าง่ายเช่นพวกใบนิ่มอวบน้ำหรือต้นที่มีที่มาจากแหล่งหนาวเย็น จำเป็นจะต้องใส่ใจกับความสะอาดเป็นพิเศษ
ภาชนะและวัสดุปลูกที่ต้นไม้เป็นโรคตายไม่ควรนำใช้ใหม่
             
2  การให้น้ำ การให้น้ำแก่ไม้ประดับมีความสำคัญต่อการเจริญเติบโต เพราะการให้น้ำมาก/น้อยเกินไป หรือให้น้ำไม่ถูกวิธีทำให้เกิดปัญหากับพืชได้ ดังนั้นการให้น้ำเวลาใดต้องคำนึงถึงความสะดวกและปัจจัยที่เกี่ยวข้องหลายประการ เช่น ดินปลูก ความชื้นในดิน ฤดูกาล ชนิดพืช ความเข้มแสง อุณหภูมิ ฯลฯ การให้น้ำที่พอดีจะทำให้พืชมีอายุยืนยาว เจริญเติบโตเร็วและสวยงาม2) การให้ปุ๋ย การให้ปุ๋ยควรพิจารณาความอุดมสมบูรณ์ของวัสดุปลูกเป็นหลัก วัสดุปลูกที่มีความอุดมสมบูรณ์น้อยมีความจำเป็นที่จะต้องใส่ปุ๋ยเพิ่มให้เพียงพอต่อความต้องการของพืช ควรเน้นการให้พวกอินทรียวัตถุ เช่น ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก หรืออาจให้ปุ๋ยเคมีบ้างเพื่อปรับสภาพในแต่ละช่วงแต่ละฤดูกาล เช่น ฤดูร้อนจะให้ปุ๋ยในโตรเจนสูง ฟอสฟอรัสต่ำ และโปรแตสเซียมสูงเล็กน้อย ฤดูฝนจะให้ปุ๋ยไนโตรเจนต่ำ ฟอสฟอรัสและโปแตสเซียมสูง ส่วนฤดูหนาวก็จะให้ปุ๋ยไนโตรเจนสูงมากๆ เพื่อกระตุ้นให้พืชตอบสนองต่อการเจริญเติบโต3) การตัดแต่ง ไม้ประดับหลังจากปลูกไปนานๆ จำเป็นต้องมีการตัดแต่งกิ่งออกไปบ้างโดยใช้กรรไกรตัดแต่ง หรือมีดคมๆ เพื่อรักษาทรงพุ่มให้สวยงามยิ่งขึ้น บางครั้งอาจมีกิ่งหักเสียหาย กิ่งมีโรคและแมลงเข้าทำลายหรือกิ่งแห้งเหี่ยวก็ควรตัดออก นอกจากต้นไม้จะดูสวยงามขึ้นแล้วยังเป็นการรักษาสุขภาพของต้นไม้ให้ดีขึ้นด้วย4) การเปลี่ยนถ่ายกระถาง ไม้ประดับที่ปลูกลงกระถางเมื่อปลูกเลี้ยงจนโตเต็มที่ควรมีการเปลี่ยนกระถางที่มีขนาดใหญ่ขึ้น หรือเปลี่ยนดินใหม่ที่มีธาตุอาหารสมบูรณ์กว่าเดิมเพื่อไม่ให้พืชชะงักการเจริญเติบโต โดยการเปลี่ยนกระถางไม้ประดับมีขั้นตอน ดังนี้ 1) เลือกกระถางใหม่ตามขนาดที่ต้องการมาล้างทำความสะอาด 2) เตรียมวัสดุปลูกเพื่อใส่ในกระถาง 3) นำต้นพืชออกจากกระถางเก่าและแซะดินเก่าออกประมาณครึ่งหนึ่ง 4) นำต้นพืชลงปลูกในกระถางใหม่ที่ใส่วัสดุปลูกรองพื้นไว้ และเติมวัสดุปลูกลงไปให้เกือบถึงขอบกระถาง กดวัสดุปลูกให้แน่นแล้วรดน้ำให้ชุ่ม

การกำจัดศัตรูของดอกไม้


การกำจัดศัตรูของดอกไม้ดอกและไม่ประดับ


วิธีการป้องกันกำจัดศัตรูพืชโดยไม่ใช้สารเคมี



      ด้วยเหตุที่การใช้วัตถุมีพิษประเภทสารเคมีสังเคราะห์ได้ก่อให้เกิดพิษอันตรายและผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมทำให้นักวิจัยค้นพบข้อจำกัดในการใช้สารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชและได้พยายามหันมาใช้วิธีการอื่นผสมผสานกันเพื่อลดพิษและอันตรายดังกล่าว ซึ่งการพิจารณาใช้วิธีการอื่นๆ เกษตรกรควรให้ความสนใจ คือ
      1. การเลือกใช้พืชพันธุ์ต้านทานแมลงและโรคศัตรูพืช มักนำมาใช้กับฝ้าย มะเขือเทศ อ้อย มันฝรั่ง ฯลฯ
      2. เลือกการหาจังหวะการปลูกที่เหมาะสม เพื่อหลีกเลี่ยงฤดูการระบาดของศัตรูพืช โดยปลูกให้เร็วหรือช้ากว่าปกติ ตลอดจนการพยากรณ์การระบาดของศัตรูพืช เพื่อเตรียมการป้องกันกำจัดได้ทันท่วงที
      3. การใช้เขตกรรม การตากดิน ไถดิน เพื่อทำลายศัตรูพืช และช่วยให้นกจับกินแมลงที่ฟักตัวในดิน นอกจากนี้การตัดเผาทำลายต้นตอพืชที่หลงเหลือเป็นแหล่งสะสมของศัตรูพืช จะช่วยลดการระบาดของศัตรูพืชอีกด้วย
      4. การใช้วิธีกล เช่น การใช้กาวทาจับแมลงที่มีการเคลื่อนไหวเร็ว
      5. การใช้วิธีทางฟิสิกส์ เช่น การใช้แสง เสียง หรืออุณหภูมิในการล่อไล่ฆ่าทำลายศัตรูพืช ทั้งโรคและแมลง ที่นิยม คือการใช้เครื่องล่อแมลงแบบใช้แสงไฟ
      6. การใช้วิธีการทางเคมี เป็นวิธีการใช้สารประกอบที่เป็นอนินทรีย์เคมีหรืออินทรีย์เคมีใช้ป้องกันกำจัดศัตรูพืช แต่วิธีการนี้พบว่ามีข้อดีและข้อเสียมากจึงมีข้อจำกัดในการใช้เฉพาะ
      7. การใช้วิธีป้องกันกำจัดแมลง โดยการใช้เชื้อจุลินทรีย์ของแมลง ตัวห้ำ ตัวเบียน สัตว์ป่าบางชนิดช่วยลดและควบคุมปริมาณศัตรูพืชมิให้เกิดความเสียหายกับพืชผล นับตั้งแต่กิ้งก่า แย้ ตุ๊กแก จิ้งจก งู ฯลฯ
      8. วิธีการอื่นๆ เช่น การกำหนดระดับความเสียหายทางเศรษฐกิจเพื่อให้การใช้วัตถุมีพิษเป็นไปอย่างคุ้มทุนและมีประสิทธิภาพ การใช้สมุนไพรบางชนิดป้องกันกำจัดศัตรูพืช อาทิเช่น โล่ติ้น สะเดา ยาสูบ หนอนตายหยาก ฯลฯ


                                                                      

ประโยชน์ของไม้ประดับ



                               ประโยชน์ของไม้ดอกไม้ประดับ

                   ไม้ดอกเป็นพันธุ์ไม้ทุกชนิดที่ปลูกเพื่อใช้ประโยชน์จากความสวยงามของดอก มีดอกสวยงาม ดอกดก บานทน นิยม   ปลูกไว้ทั้งที่บานสวยงานอยู่กับต้นหรือตัดออกไปใช้ประโยชน์หรือจำหน่ายซึ่งสามารถแบ่งกลุ่มได้ กลุ่ม คือ ไม้ดอกประดับ ไม้ตัดดอก
ไม้ประดับ เป็นพืชที่ปลูกไว้เพื่อความสวยงาม ใช้ประดับตกแต่งอาคารบ้านเรือนให้เกิดความเจริญตา ส่วนใหญ่ไม้ประดับมักเป็นพืชดอก จึงเรียกรวมกันว่า ไม้ดอกไม้ประดับ ซึ่งความเป็นจริงแล้วไม้ประดับไม่จำเป็นต้องมีดอกก็ได้ เพียงมีใบที่ดูดีหรือมีสีสันสวยงามก็ใช้ได้ ไม้ประดับมีขนาดเล็กหรือขนาดย่อมพอเหมาะแก่พื้นที่จัดตกแต่ง อาจปลูกไว้ในกระถางปลูกลงดินหรือแขวนห้อยไว้ก็ได้ ไม้ประดับมีหลายชนิด 
   ไม้ดอกประดับเป็นพันธุ์ไม้ดอกทุกชนิดที่ปลูกไว้เพื่อประดับบ้านเรือนอาคารสถานที่โดยได้ดอกบานติดอยู่กับต้น เพื่อเพิ่มบรรยากาศให้สถานที่นั่นน่าอยู่อาศัยหรือน่าทำงาน ได้แก่ เข็มญี่ปุ่น พิทูเรีย แพงพวย พุทธรักษา บานชื่น ปทุมมา บัวสาย ฯลฯ ซึ่งหลายชนิดสามารถนำไปปลูกเป็นไม้ตัดดอกได้ ดังนั้นจึงสรุปได้ว่า ไม้ดอกไม้ประดับหมายถึงพันธุ์ไม้ที่ปลูกขึ้นเพื่อทำให้เกิดความสวยงามทั้งภายในบริเวณบ้าน เช่น ในบริเวณสนามรอบ ๆ ตัวบ้าน แขวนไว้ตามชายบ้าน และตั้งประดับไว้ตามส่วนต่าง ๆ ภายนอกตัวบ้านหรืออาคาร

               ปัจจุบันมักจะนิยมไว้ตกแต่งบ้านหรือห้องหอคอนโดอื่นๆส่วนใหญ่จะคิดแค่ว่าให้ความสำคัญแต่ว่ามันยังมีประโยชน์มากกว่านี้เพราะอากาศในห้องปรับอากาศ อาจจะมีการท่ายเทน้อย หรืออาจจะไม่มีเลยก็ได้   หากห้องนั้นไม่มีการระบายอากาศ ไม่ประดับจะช่วยเอาคาร์บอนไดออกไซต์  ให้ไปสังเคระแสงเมื่อมีแสงสว่าง จะปล่อยออกซิเจน  เป็นผลจากการสังเคราะห์แสงออกมาเป็นการช่วยลดปริมาณคาร์บอนไดออกไซต์ในห้องลดลง


วันอังคารที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2558

การปลูกต้นไม้ประดับหรือดอกไม้ประดับ

                        


                    สำหรับ อาชีพเกษตรกรรม วันนี้ผมจะมานำเสนอวิธีปลูกพืชผักในแนวทางแบบสวนทางแรงโน้มถ่วงกัน คือการปลูกพืชกลับหัวนั้นเองละครับ  ตามปกติพืชจะเจริญเติบโตทางด้านบน เติบโตขึ้นในทิศทางตรงกันข้ามกับแรงโน้มถ่วง ในขณะที่รากจะชอนไชลงไปในดินตามแรงโน้มถ่วง การเจริญเติบโตในลักษณะนี้ทำให้ใบของพืชได้รับแสงอย่างเต็มที่ และรากก็สามารถดูดซึมน้ำและแร่ธาตุต่าง ๆ จากดินเพื่อนำไปใช้เป็นวัตถุดิบในการสังเคราะห์แสงและหล่อเลี้ยงต้นพืช แต่สำหรับพืชที่ปลูกแบบกลับหัวนั้นจะแตกต่างออกไป
  1. นำวัสดุอุปกรณ์ เช่น ขุยมะพร้าวหรือดินที่เตรียมไว้ใส่ลงไปในกระถางจนเต็ม
  1. นำแผ่นกระเบื้องสี่เหลี่ยมมาปิดด้านบนของกระถางโดยใช้นิ้วหนีบกระเบื้องไว้กับกระถางเพื่อป้องกันวัสดุปลูกร่วงหล่น
  1. จากนั้นคว่ำกระถาง ในลักษณะให้ก้นกระถางหันขึ้นด้านบน แล้วจึงนำต้นกล้าที่เราจะปลูกหยอดลงไปในรูก้นกระถางแล้วร้อยลอด 3 สาย สำหรับใช้ในการแขวน
  1. รดน้ำให้ปุ๋ยตามปกติ อย่างสม่ำเสมอ
  1. รอจดต้นโตสูงอย่างน้อยต้อง 30 เซนติเมตรขึ้นไปซึ่งช่วงเวลานี้ ต้นกล้าจะกลายเป็นผักที่เราต้องการและรากจะยึดเกาะดินเอาไว้แน่นแล้วจึงพลิกกระถางเพื่อให้ต้นพืชกลับหัว แล้วจึงเจารูที่ขอบกระถางเพื่อไว้สำหรับร้อยลวดแล้วจึงนำไปแขวน
  1. ด้านบนของกระถางเราสามารถที่จะปลูกผักอีกหนึ่งชนิดได้อย่างสบาย เพียงเท่านี้เราก็สามารถปลูกพืชกลับหัวได้แล้วคระ

วันศุกร์ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2558

ต้นไม้ประดับ

      

                       ( ทำไมหันมาปลูกไม้ดอกไม่ประดับเพราะอะไร )

          เชื่อว่าทุกคนหากได้มีบ้านซักหลังแล้ว ก็อยากให้บ้านของตัวเองร่มรื่นน่าอยู่ ด้วยการปลูกต้นไม้ต่าง ๆ เอาไว้ติดสวน แต่บางคนอาจไม่ชอบต้นไม้ใหญ่ จึงมีความคิดที่จะปลูก ไม้ดอกไม้ประดับ ไว้เป็นอีกทางเลือกที่จะช่วยตกแต่งสวนในบ้านให้ออกมาสวยงามบ้างเหมือนกัน อีกทั้งไม้ดอกไม้ประดับยังเหมาะกับบ้านที่มีพื้นที่ไม่มาก ปลูกง่าย เลี้ยงง่าย อีกด้วย วันนี้กระปุกดอทคอมได้รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับไม้ดอกไม้ประดับ และมีไม้ดอกไม้ประดับที่คนนิยมปลูกมาฝากกันด้วยค่ะ        ไม้ดอก หมายถึง พันธุ์ไม้ทุกชนิดที่ปลูกเพื่อใช้ประโยชน์จากความสวยงามของดอก มีดอกสวยงาม ดอกดก บานทน นิยมปลูกไว้ให้บานสวยงามอยู่กับต้นหรือตัดออกไปใช้ประโยชน์หรือจำหน่าย ซึ่งสามารถแบ่งกลุ่มได้ 2 กลุ่ม คือ ไม้ดอกประดับ และไม้ตัดดอก         ไม้ดอกประดับ คือ พันธุ์ไม้ดอกทุกชนิดที่ปลูกไว้เพื่อประดับบ้านเรือนอาคารสถานที่โดยให้ดอกบานติดอยู่กับต้น เพื่อเพิ่มบรรยากาศให้สถานที่นั้นน่าอยู่อาศัยหรือน่าทำงาน ได้แก่ เข็มญี่ปุ่น พิทูเนีย แพงพวย พุทธรักษา บานชื่น ปทุมมา บัวสาย ฯลฯ ซึ่งหลายชนิดสามารถนำไปปลูกเป็นไม้ตัดดอกได้          ดังนั้น ไม้ดอกไม้ประดับ จึงหมายถึงพันธุ์ไม้ที่ปลูกขึ้นเพื่อทำให้เกิดความสวยงามทั้งภายในบริเวณบ้าน เช่น ในบริเวณสนามรอบ ๆ ตัวบ้าน แขวนไว้ตามชายคาบ้าน และตั้งประดับไว้ตามส่วนต่าง ๆ ภายนอกตัวบ้านหรืออาคาร เป็นต้น 
การจำแนกประเภทและการแบ่งพันธ์ไม้

          มีหลักพิจารณาและจำแนกต่างกัน แล้วแต่ความมุ่งหมายและความประสงค์ ซึ่งอาจแบ่งจำพวกพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับ
 1) ไม้ตัดดอก (Cut flower plant)

          หมายถึง ไม้ดอกที่ปลูก ณ สถานที่ที่มีภูมิประเทศ ภูมิอากาศ สภาพแวดล้อม เช่น สายลม แสงแดด อุณหภูมิ ดิน น้ำ ความชื้นสัมพัทธ์ การคมนาคม และระยะทางที่เหมาะสม เพื่อตัดเฉพาะส่วนดอกหรือช่อดอก ไปใช้ประโยชน์ หรือจำหน่าย เช่น แกลดิโอลัส เบญจมาศ เยอร์บีรา หน้าวัว กุหลาบ ดาวเรือง คาร์เนชัน และบัวหลวง ไม้ดอกดังกล่าวนี้ จะถูกตัดออกจากต้นไปใช้ประโยชน์พร้อมทั้งก้านดอกด้วย ทั้งนี้เพราะก้านดอกเป็นแหล่งสะสมอาหาร เมื่อดอกถูกตัดจากต้นเพื่อนำไปปักแจกัน หรือจัดกระเช้า อาหารที่เก็บสะสมไว้ที่ก้านดอกจะถูกนำมาใช้ ช่วยให้ดอกไม้มีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น ดังนั้นคุณลักษณะสำคัญของไม้ตัดดอก นอกจากดอกจะต้องสวยสดแล้ว ก้านดอกก็ต้องใหญ่ ยาว และแข็งแรง แต่ไม่เกะกะเก้งก้าง บรรจุหีบห่อได้ง่าย ขนส่งสะดวก มีน้ำหนักไม่มากนัก และเก็บรักษาได้นาน

          ยังมีไม้ดอกอีกหลายชนิดที่มีก้านดอกสั้น กลวงและเปราะหักง่ายแต่ดอกสวยหรือมีกลิ่นหอม อายุการใช้งานทนนาน สามารถใช้ประโยชน์ได้ดีในวิถีชีวิตของคนไทย โดยการนำเฉพาะส่วนดอกไปร้อยมาลัย ทำอุบะ จัดพานพุ่ม หรือนำไปจัดแจกัน โดยใช้ก้านเทียมแทน เช่น รัก มะลิ พุด จำปี จำปา แวนดาโจคิม บานไม่รู้โรย
           2) ไม้ดอกกระถาง (Flowering pot plant)

          หมายถึง ไม้ดอกที่ปลูกเลี้ยงในกระถางตั้งแต่เริ่มเพาะเมล็ดหรือย้ายต้นกล้า โดยการเปลี่ยนกระถางให้มีขนาดใหญ่ขึ้นเป็นลำดับให้เหมาะสมกับความสูงและการเจริญเติบโตของต้น เมื่อออกดอก จะนำไปใช้ประโยชน์ในการประดับทั้งต้นทั้งดอก พร้อมทั้งกระถาง ทำให้อายุการใช้งานทนนานกว่าไม้ตัดดอก เช่น บีโกเนีย แพนซี แอฟริกันไวโอเลต กล็อกซิเนีย อิมเพเชียน พิทูเนีย

          ไม้ดอกที่นำมาปลูกเป็นไม้กระถางจึงต้องมีทรงพุ่มต้นกะทัดรัด ไม่เกะกะเก้งก้าง หรือมีต้นสูงใหญ่ เกินกว่าที่จะนำมาปลูกเลี้ยงได้ในกระถางขนาดเล็กพอประมาณเพื่อความสะดวกในการขนย้าย ที่สำคัญคือควรจะออกดอกบานพร้อมเพรียงกันเกือบทั้งต้น เพื่อความสวยงามในการใช้ประดับ ปัจจุบันวิทยาการเจริญก้าวหน้าอย่างมาก มนุษย์สามารถปลูกเลี้ยงไม้ดอกหลายๆ ชนิดในกระถางขนาดเล็ก แม้จะมีขนาดต้นสูงใหญ่ โดยการใช้สารเคมีที่เรียกว่า สารชะลอการเจริญเติบโต ราดหรือพ่น เพื่อทำให้ไม้ดอกเหล่านั้น มีขนาดต้นเตี้ยลงตามความต้องการ ตลอดจนใช้เทคนิคบางประการในระหว่างการปลูกเลี้ยง เพื่อบังคับให้ไม้ดอกออกดอกพร้อมเพรียงกันทั้งต้นได้ โดยคงจำนวน ขนาด และสี ตลอดจนความสวยงามของดอก ให้ใกล้เคียงกับของเดิมทุกประการ

          3) ไม้ดอกประดับแปลง (Bedding plant)

          หมายถึง ไม้ดอกที่ปลูกลงแปลง ณ บริเวณที่ต้องการปลูกตกแต่ง เพื่อประดับบ้านเรือน อาคารสถานที่ ตลอดจนสวนสาธารณะ โดยไม่ตัดดอกหรือส่วนใดส่วนหนึ่งไปใช้ประโยชน์ แต่ปล่อยให้ออกดอกบานสะพรั่งสวยงาม ติดอยู่กับต้นภายในแปลงปลูก เพื่อประโยชน์ในการประดับ จนกว่าจะร่วงโรยไป

  2.  การแบ่งพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับตามลักษณะนิสัยของพันธุ์ไม้ เช่น การแบ่งตามถิ่นกำเนิด แบ่งตามอายุความเจริญเติบโตของพันธุ์ไม้ ตามลักษณะเนื้อไม้ ตามสิ่งแวดล้อม และตามลักษณะของลำต้น

  3.  การแบ่งพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับตามหลักพฤกษศาสตร์ มีความมุ่งหมายเพื่อจำแนกพันธุ์ไม้ทั่ว ๆ ไปให้แน่ชัดในรูปร่าง ลักษณะนิสัยการดำรงชีพ และการสืบพันธุ์ ของพันธุ์ไม้ให้อยู่เป็นกลุ่มที่แน่นอน ไม่ปะปนกัน

คุณภาพของดอกไม้ประดับ


          ไม้ดอกและไม้ประดับเป็นอวัยวะของพืชที่ค่อนข้างซับซ้อน ซึ่งเมื่อมีการสูญเสียคุณภาพของก้าน ใบ หรือดอก จะไม่สามารถจำหน่ายได้ เพราะตลาดไม่ยอมรับ การสูญเสียคุณภาพมีสาเหตุมาจากหลายประการ เช่น การเหี่ยว การร่วงของใบหรือกลีบดอก การโค้งงอ เป็นต้น ในการคัดคุณภาพหรือจัดมาตรฐานไม้ดอกไม้ประดับนั้น ต้องเข้าใจสาเหตุที่ทำให้คุณภาพของไม้ดอกไม้ประดับเสียไปด้วย ได้แก่

           1.  การเจริญเติบโตจนแก่ ทำให้คุณภาพเสื่อมลง และอาจทำให้เกิดการโค้งงอของก้านดอกได้

           2.  การเสื่อมสภาพเป็นช่วงเวลาที่ดอกไม้กำลังจะหมดอายุซึ่งคุณภาพจะต่ำลง

           3.  การเหี่ยว อายุการปักแจกันของดอกไม้และใบไม้ขึ้นอยู่กับการได้รับน้ำอย่างต่อเนื่องและพอเพียง

           4.  การเหลืองของใบและอวัยวะอื่น ๆ ทำให้ดอกหมดอายุการใช้งาน

           5.  การร่วงของกลีบดอกและใบหรืออวัยวะอื่น ๆ จากสาเหตุต่าง ๆ


 ปัจจัยที่มีผลต่อการเจริญเติบโตของไม้ดอกไม้ประดับ

            1.  ดิน เป็นปัจจัยที่สำคัญอันดับแรกเพราะดินจะช่วยพยุงลำต้น เป็นแหล่งให้น้ำให้อากาศตลอดจนแร่ธาตุต่าง ๆ ดินที่อุดมสมบูรณ์พืชก็จะเจริญเติบโตได้ดี

            2.  ความชุ่มชื้นหรือน้ำ หมายถึง ความชุ่มชื้นที่อยู่ในดิน และความชุ่มชื้นที่อยู่ในอากาศ ดินที่อุดมสมบูรณ์มีธาตุอากาศ หากขาดน้ำในดินรากก็ไม่สามารถดูดไปใช้ได้ ความชุ่มชื้นในอากาศมีความจำเป็นต่อต้นไม้เพราะจะช่วยให้ต้นไม้สดชื่นอยู่เสมอ

           3.  แสงสว่าง มีบทบาทสำคัญต่อการเจริญเติบโตของต้นพืชนับตั้งแต่เมล็ดเริ่มงอก การสร้างฮอร์โมนในพืช การสร้างเม็ดสี ตลอดจนการออกดอกผลและอื่น ๆ พืชบางชนิดจะออกดอกเมื่อได้รับแสงสว่างเพียงพอ

           4.  อุณหภูมิ เป็นปัจจัยสำคัญอีกอย่างหนึ่งที่มีอิทธิพลต่อการเจริญเติบโต คุณภาพของดอกและปริมาณดอก

            5.  ปุ๋ย การเจริญเติบโตของพืชต้องการอาหารธาตุ ในการเจริญเติบโตจะได้รับอาหารธาตุเหล่านั้นจากดิน น้ำและอากาศ ในปัจจุบันธาตุในดินไม่เพียงพอต่อการเจริญเติบโต จำเป็นต้องใส่ปุ๋ยเพื่อปรุงดินให้มีธาตุตามที่พืชต้องการ

            6.  โรคและแมลง โรคที่เกิดกับพืชมีทั้งโรคที่เกิดจากเชื้อรา และแบคทีเรีย ส่วนแมลงนั้นมีมากมายหลายชนิด เช่น เพลี้ย หนอนต่าง ๆ เป็นต้น การฉีดยาป้องกันโรคและแมลงก่อนจะช่วยให้พืชสามารถเจริญเติบโตได้ดี

            7.  การตัดแต่ง จะมีผลต่อการเจริญเติบโต แตกกิ่งก้านสาขาของต้นไม้ ซึ่งจะช่วยในการกำหนดรูปร่างรูปทรงของพืชนั้น รวมทั้งการตัดกิ่งที่ไม่ต้องการออกด้วย

            8.  ตำแหน่งที่ปลูก มีผลต่อการเจริญเติบโตอีกประการหนึ่ง การเรียนรู้ลักษณะนิสัยของพืชนั้น ๆ จะทำใหสามารถเลือกสถานที่ที่จะปลูกพืชได้เหมาะสมเพื่อให้มีการเจริญเติบโตได้ดี


         

ไม้ประดับ หมายถึง

         พืชที่ปลูกเพื่อใช้ประโยชน์จากรูปร่าง รูปทรง สีสันของลำต้นและใบที่มีความสวยงามแตกต่างกันไป นิยมปลูกประดับตกแต่งอาคารสถานที่ทั้งในพื้นดินและในกระถาง มีทั้งไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ ไม้พุ่ม ไม้ล้มลุก และไม้เลื้อย...ประเภทไม้ประดับภายในอาคารหรือในร่มรำไรเป็นกลุ่มพืชที่ต้องการแสงน้อย-ปานกลาง ส่วนมากจะปลูกอยู่ในอาคารสำนักงานที่มีแสงน้อย แดดส่องถึงบ้าง อุณหภูมิไม่สูงนัก    ไม้ประดับจะเจริญเติบโต แข็งแรง สมบูรณ์ และสวยงามดีนั้น ผู้ปลูกเลี้ยงควรจะต้องทราบถึงปัจจัยสำคัญต่างๆ ที่มีผลต่อการเจริญเติบโตของพืช การขยายพันธุ์ไม้ประดับไม่ได้แตกต่างจากพืชชนิดอื่นๆ  แต่ต้องพิจารณาถึงชนิดและประเภทของพันธุ์ไม้ วิธีการขยายพันธุ์ไม้ประดับที่ได้ผลดีและนิยมกันมาก ได้แก่ การเพาะเมล็ด การแยกหน่อ การตัดชำ และการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อการปลูกเลี้ยงไม้ประดับต้องมีการปฏิบัติดูแลอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ไม้ประดับมีความแข็งแรงสวยงามได้นาน จึงควรปฏิบัติต่อไม้ประดับ